สรุปผลชันสูตร ‘ดับปริศนา 5 ศพในบ่อโรงงานปลาร้า’ คาดเสียชีวิตจากการสูดก๊าซไข่เน่า

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญในพื้นที่บ้านหนองไขว่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เมื่อพบศพคนงาน 5 รายภายในบ่อหมักปลาร้าในโรงงานผลิตปลาร้า ซึ่งทั้ง 5 คนเสียชีวิตอย่างปริศนาในบ่อที่มีการหมักปลาร้าอยู่ โดยสาเหตุเบื้องต้นที่คาดการณ์คือการสูดก๊าซซัลเฟอร์ไฮโดรเจน หรือ “ก๊าซไข่เน่า” ซึ่งมักเกิดจากการหมักสารอินทรีย์ในสภาพที่ไม่มีการระบายอากาศ

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเจ้าของโรงงานได้มอบหมายให้คนงานทำความสะอาดบ่อหมักปลาร้าเพื่อเตรียมบ่อใหม่สำหรับการหมักปลาร้าชุดต่อไป โดยบ่อดังกล่าวตั้งอยู่ในจุดที่ลึกและมืดสนิท ซึ่งทำให้เกิดการสะสมของก๊าซพิษที่ไม่มีการระบายออกไปข้างนอก เมื่อคนงานเข้าไปทำงานในบ่อจึงได้รับผลกระทบจากก๊าซพิษจนทำให้ขาดออกซิเจนและเสียชีวิตลง

Officials inspect the scene

เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยได้รับการแจ้งเหตุและได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยพยายามนำศพทั้ง 5 ขึ้นมาจากบ่อหมักปลาร้า แต่ต้องทำการเปิดหลังคาโรงงานเพื่อระบายอากาศ เนื่องจากกลิ่นของก๊าซหมักปลาร้าในพื้นที่นั้นแรงมาก จนทำให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เกิดอาการวิงเวียนหน้ามืด ทำให้ต้องหมุนเวียนกันปฏิบัติงานในการช่วยเหลือ

ผลการชันสูตรจากแพทย์เบื้องต้นยืนยันว่า สภาพศพทั้งหมดมีลักษณะคล้ายกัน คือขาดอากาศหายใจ ส่วนการเปลี่ยนสีของเลือดเป็นสีเขียว ซึ่งเป็นสัญญาณของการสัมผัสสารพิษจากก๊าซไข่เน่า อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวอย่างเลือดของผู้เสียชีวิตไปตรวจสอบเพิ่มเติมที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อยืนยันผลอย่างละเอียด

Inspect the factory

ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จากอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ โดยพบว่าโรงงานดังกล่าวไม่ใช่โรงงานที่ใช้เครื่องจักรและมีคนงานเพียง 6 ราย ซึ่งทำให้ไม่เข้าข่ายการเป็นโรงงานตาม พ.ร.บ.โรงงาน ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษทางอากาศเขต 2 พิษณุโลกเตรียมส่งเครื่องมือมาตรวจวัดมลพิษในพื้นที่โรงงาน เพื่อตรวจสอบระดับก๊าซพิษในบ่อหมักปลาร้าว่าสูงเกินกว่าค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดหรือไม่

เหตุการณ์นี้ยังเป็นที่สะเทือนใจในหมู่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียง ซึ่งหลายคนเชื่อว่าสาเหตุการตายของคนงานทั้ง 5 คนเกิดจากการสูดก๊าซพิษในบ่อหมักปลาร้า ขณะเดียวกันเจ้าของโรงงานยังไม่ได้อยู่ประจำในพื้นที่ แต่ให้ลูกเขยดูแลกิจการแทน ทำให้เหตุการณ์นี้ยิ่งดูสับสนและน่าสงสัยมากยิ่งขึ้น

การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินต่อไปเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตและจะดำเนินการหามาตรการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต