เจ้าอาวาสวัดผวา “อาถรรพณ์ 2 แรงบวก” สร้างเมรุทิศมรณะ

มีชาวบ้านเล่าลือเกี่ยวกับเรื่องอาถรรพณ์ การสร้างเมรุของวัดพระแก้ว ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์

จนทำให้เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันไม่กล้าไปอยู่กุฏิหลังใหญ่ ของอดีตเจ้าอาวาส ต้องเลี่ยงไปสร้างกุฏิหลังใหม่อยู่หลังอุโบสถ  พระครูศรีพัชรบวร หรือพระอาจารย์ตี๋ เจ้าอาวาสวัดพระแก้ว เปิดเผยว่า เป็นเรื่องจริง ที่อาตมาไม่กล้าอยู่กุฏิเจ้าอาวาสเก่า ทั้งที่มีความสะดวกสบายและใหญ่โตกว่า

เนื่องจากกุฏิดังกล่าว สร้างในทิศมรณะ ผิดหลักโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ ที่เกี่ยวกับการหาทิศที่เป็นมงคลและถูกต้องในการสร้างถาวรวัตถุของวัด นอกจากนี้เมรุเผาศพที่เจ้าอาวาสองค์เก่าสร้างขึ้น ก็ผิดหลักและอยู่ในจุดอัปมงคล เนื่องจากด้านหน้าและปากประตูเมรุตรงกับบันไดทางขึ้นกุฏิและหันหน้าตรงกันอย่างพอดี

ถือว่าผิดหลักอย่างร้ายแรงคณาจารย์โบราณจะถือกันมาก เพราะถ้าวัดไหนที่ปากประตูเมรุตรงหอฉันก็ดี กุฏิเจ้าอาวาสก็ดี ผู้อยู่และพระในวัดจะไม่เป็นสุขมักจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นเสมอ
พระครูศรีพัชรบวร กล่าวต่อว่า ความเป็นมาของเรื่องนี้ เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน เท่าที่ทราบจากชาวบ้านละแวกวัด พระครูสังฆรักษ์สมพงษ์ เจ้าอาวาสสมัยนั้น สร้างกุฏิและสร้างเมรุเสร็จไล่เลี่ยกัน ในราวปี 2543 แม้ก่อนหน้าญาติโยมจะทักท้วงว่าผิดหลัก ผิดทิศผิดทาง โดยเฉพาะจุดที่ตั้งเมรุ

แต่ท่านก็ไม่เชื่อ ท่านอาจคิดว่าตัวท่านก็เป็นเกจิดังมีวิชาอาจารย์ดี ท้ายที่สุดท่านก็มรณภาพโดยถูกคนร้ายใช้ท่อนไม้ทุบตี หลังจากสร้างเมรุและกุฏิเพิ่งแล้วเสร็จ ที่แปลกก็คือจุดเกิดเหตุที่พบศพท่านนั้นอยู่หน้ากุฏิ เมื่อมองไปข้างหน้าจะตรงปากประตูเมรุพอดี ยิ่งไปกว่านั้นเมรุที่เพิ่งสร้างเสร็จก็ต้อง”ฌาปนกิจ”ร่างท่านเป็นศพแรก

ต่อมาภายในวัดก็มีแต่ความวุ่นวาย พระรูปใหม่ที่มารักษาการณ์รูปแล้วรูปเล่าก็อยู่ไม่ได้ มีรูปหนึ่งที่อยู่กุฏิหลังนี้แล้วหนีจากวัดไปกลางดึก บอกกับพระรูปอื่นว่าถูกผีหลอกจนเกือบเสียสติ แต่สำหรับตนหลังมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้พบเจออะไร ตอนแรกๆ ที่มาก็จะขึ้นอยู่กุฏิเจ้าอาวาสหลังเดิม แต่พอก้าวเข้าไปก็รู้สึกแปลกๆ ทั้งขนลุก และเย็นทั่วร่างกาย จึงสำรวจโดยรอบก็พบว่าทั้งเมรุและกุฏิตั้งอยู่ในทิศไม่ดี ผิดหลักโหราศาสตร์ เหมือนอาถรรพณ์ 2 แรงบวก อาตมาจึงไปปลูกกุฎิหลังใหม่ริมรั้ววัดหลังอุโบสถ จึงอยู่ได้ตามปรกติ

สำหรับเมรุดังกล่าวนั้น หันหน้าไปทางทิศเหนือ โดยประตูเมรุตรงกับบันไดทางขึ้นและประตูชั้นบนกุฏิเจ้าอาวาสหลังเก่าที่หันหน้าตรงเมรุ สร้างขึ้นด้วยคอนกรีต 3 ชั้น มีระยะห่างกันราว 100-150 เมตร โดยด้านหลังกุฏิเป็นศาลาการเปรียญและหอฉันภัตราหารภิกษุสามเณร สำหรับพระครูสังฆรักษ์สมพงษ์ อดีตเจ้าอาวาส ถูกคนร้ายฆาตกรรม โดยใช้ท่อนไม้ทุบตีจนถึงแก่มรณภาพ โดยพบศพในเช้าวันที่ 22 เม.ย. 2544

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุไม่นานพยานปากสำคัญที่อยู่ใกล้วัดและเห็นเหตุการณ์ ได้ถูกคนร้ายยิงตายคาบ้าน ก่อนจะขึ้นศาลเป็นพยานอีกไม่กี่วัน ทำให้จนถึงขณะนี้คดีกำลังจะหมดอายุความ แต่ตำรวจก็ยังไม่สามารถติดตามตัวคนร้ายได้

ขอขอบคุณที่มา : ข่าวเดลินิวส์