เจอปม! เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์รู้เห็นการซื้อขาย “ควายบุญรอด”

กลุ่มคนรักสัตว์ และกลุ่มคนที่ร่วมไถ่ชีวิตขของเจ้าควาย  “ควายบุญรอด” ทำการแกะรอยตามหาควายที่หายไป

ทำการเช็คภาพจากกล้องวงจรปิดที่ต่างๆ เจอปมเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ก็รู้เห็นเป็นใจในการขายควายครั้งนี้ด้วย

 

ในวันที่ 23 ก.ค ที่ผ่านมา ข่าวรายงานว่า นายรพีภัค ธราธรพิทักษ์ เป็นคนที่รวบรวมเงินเพื่อไถ่ชีวิตเจ้าควายควายบุญรอด พร้อมกับ นางสาวณัฐธยาน์ พลหาญทองลงยา ตำแหน่งประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์โคกระบือและให้ชีวิตใหม่แก่สัตว์ถูกทอดทิ้ง ได้ไปตรวจสอบควายสองแม่ลูก ซึ่งคนเลี้ยง นายวรพล เกษตรกร อ้างว่า ได้ทำการแลกเปลี่ยนกับเจ้าควายบุญรอด

โดยควายทั้งแม่และลูกดังกล่าวนั้น ตนเองได้นำไปฝากเลี้ยงไว้ที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและพลังงานทดแทน ในหมู่ 11 ตำบลทุ่งสมอ หลังจากนั้นก็ได้พบกับ นายพงศักดิ์ อายุ 47 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าของศูนย์ดังกล่าวที่มา นายวรพล เปิดเผยว่าในวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น มีเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ประจำอำเภอเขาค้อ ได้มาฉีดวัคซีนให้กับไก่ให้ที่ฟาร์มของตน และเจ้าหน้าก็ได้เห็นว่าตนเองเลี้ยงควายมากในจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จึงได้บอกว่า ขอนำควายมาฝากเลี้ยง 1 ตัว ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไรและก็ยินดีเพราะตนเองนั้นก็เป็นคนที่รับฝากเลี้ยงควายอยู่แล้ว
จนมาถึง วันที่ 11 ก.ค 2560 เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ของอำเภอเขาค้อก็ได้นำเอา ควายตัวเมียและลูกอายุประมาณ 4 เดือนรวม 2 ตัว ไม่ใช่แค่ควาย 1 ตัว อย่างตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อ้างว่า ควายที่จะนำมาฝากนั้นมีอาการบาดเจ็บที่คอ ซึ่งหายาก จึงได้เปลี่ยนเป็นควาย 2 แม่ลูกนี้แทน จึง ซึ่งตนเองก็ไม่ขัดข้องอะไรเพราะมีความชอบเลี้ยงควายอยู่แล้ว

นายรพีภัค กล่าวว่า ได้ทำการติดตามดูควาย 2 แม่ลูกคู่นี้ ที่นายวรพล กล่าวอ้างว่าได้เปลี่ยนกับควายบุญรอด ตั้งแต่ประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ร่วมถึงปศุสัตว์ของอำเภอเขาค้อได้ให้การปฏิเสธว่า ไม่รู้เรื่องที่นายวรพลนำควายบุญรอดไปขาย ซึ่งการพูดคุยพบว่า นายวรพล ตัวเขาเองนั้นได้ทำการเพิ่มควาย 2 ตัวแม่ลูก เมื่อวันที่ 11 ก.ค ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อเทียบกับวันที่อะไรต่างๆแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ว่า เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จะไม่มีการรู้เห็น การซื้อขาย “ควายบุญรอด”
จากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ของปศุสัตว์ได้บอกกับสังคมนั้น แทบจะตรงกันข้ามกับความเป็นจริงเกือบทั้งหมด ในส่วนของรถที่มาส่งควาย 2 แม่ลูกนั้น จะวิ่งตรงมาจากจังหวัดชัยภูมิเลย แล้วก็มาส่งในช่วงเช้ามืดของวันที่ 11 ก.ค ซึ่งไม่ใช่รถเร่อย่างที่นายวรพลได้อ้างเอาไว้ตั้งแต่แรก จึงทำการติดตามของกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ เพื่อที่จะได้นำเอาไปประกอบการดำเนินคดี และมีการประสานกับหลายหน่วยงาน เพื่อจะได้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และจะได้ติดตามหาควายบุญรอดต่อไป

ในส่วนของ นายวรพล เกษตรกรที่ได้นำควายบุญรอดไปขายนั้น พนักงานสอบสวนได้ส่งฟ้องศาลจังหวัดหล่มสัก โดยศาลมีคำสั่งพิพากษาให้จำคุก 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญาและโทษปรับ 35,000 บาท ซึ่งต่อมา นายวรพลก็ได้ยื่นหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวออกมา

แหล่งข้อมูลข่าว :  http://news.sanook.com/2876906/

เรียบเรียงโดย  :  phetchabun.org