เมืองโบราณศรีเทพ อาจไม่ได้ขึ้นเป็นมรดกโลก

หลังจากที่มีข่าวหิมะดำโปรปรายอยู่ทั่วท้องฟ้าของเมืองเพชรบูรณ์ “วิศัลย์ก็ออกมาจวก โรงงานน้ำตาลอีกครั้งหลักจากเป็นต้นตอที่ทำใหเกิดดดมลภาวะ ภายในเมืองศรีเทพ ก่อนผู้ว่าจะลั่น หากไม่มีมาตรการป้องกันอ้อยในปีหน้าไม่ต้องประชุมเรื่องของการเปิดหีบอ้อย

5 กุมภาพันธ์ทางฝั่งผู้สื่อข่าวออกมารายงานว่า นายวิศัลย์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวในที่ประชุมร่วมของภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาและหาแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (GPF) จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีนายสืบศักดิ์  ผู้ว่าราชการ วิพากษ์วิจารณ์เรื่องของผลกระทบของโรงงานน้ำตาล ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาตั้งแต่มลภาวะควัน ฝุ่น น้ำเสีย สารเคมีตกค้างรวมไปถึงเรื่องของการใช้น้ำในพื้นที่การเกษตร หนี้สินของเกษตรกรรายย่อย อุบัติเหตุ และโรงงานน้ำตาลที่ตั้งอยู่ใกล้กับอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพของบ้านเรา ยังคงมีหิมะสีดำจากการเผาอ้อยที่ถูกพัดเข้ามาในอุทยานฯ หากยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้อยู่เรื่อยๆ แล้วเรื่องการขึ้นมรดกโลกนั้นจะเป็นอย่างไรนายวิศัลย์กล่าวว่า ทางจังหวัดเพชรบูรณ์ของเรานั้นเสียเงินไปมากว่า 100 ล้านบาท เพื่อที่จะทำทางเข้าอุทยานใหม่ โดยไม่ให้ผ่านเส้นทางของโรงน้ำตาล เราเสียเงินไปมากมายเพื่อที่จะหลบหนีจากโรงงาน แต่กลับกันทางโรงงานไม่เคยคิดถึงเรื่องหิมะดำเลย

แล้วแบบนี้ทางอุทยานศรีเทพ จะสามารถขึ้นเป็นมรดกโลกได้จริงๆหรือไม่ แต่ถ้ายังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นคาดว่าเพชรบูรณ์คงไม่ผ่านแน่นอน และสิ่งที่เห็นทั้งหมดนี้ก็เกิดมาจากโรงงาน ส่วนทางโรงงานในบึงสามพันนั้นแลดูเหมือนจะมาตั้งในบริเวณที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก เนื่องจากตั้งในบริเวณถนนสายหลักของถนนหมายเลข 21 และฤดูหีบอ้อย ก็ดันมาตรงกับฤดูท่องเที่ยวในจังหวัดพอดี จนกลายให้เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างมากมายนายวิศัลย์ยังกล่าวอีกว่า ตนนั้นมีข้อเรียกร้องกับโรงงาน 2 ข้อคือ อย่าให้มีหิมะดำตกในอุทยานสำหรับโรงงานฝั่งศรีเทพ ส่วนโรงงานที่บึงสามพันตนนั้นอยากให้แก้ปัญหาเรื่องของอุบัติเหตุ ห้ามเรื่องการขนส่งอ้อยไม่ให้ร่วง หรือรถน้ำหนักเกิน และมีมติเรื่องของการเกิดโรงงานที่ 3 และ 4 ว่าอย่าให้เกิดขึ้นมาอย่างเด็ดขาด

หากปีหน้าทางฝั่งของโรงงานยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องของมาตรการ การเผา หรือการส่งเสริมรถตัดไม่เพียงพอ ทางด้านของคณะกรรมการระดับเขตจะไม่มีการเปิดหีบอ้อยให้อย่างเด็ดขาด “ปีนี้มีปัญหาแม้ว่าจะเป็นนโยบายการตัดอ้อย 50% เผา 50% อ้อยถูกเผา แต่โรงงานตัดอ้อย 30% และอ้อยถูกเผา 70% มันไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลดังนั้นถ้าไม่สนใจมาตรการจึงไม่จำเป็นต้องมีการประชุมจากนั้นผู้ว่าราชการ ก็ออกมาชี้แจ้งให้ทางสำนักงานจังหวัด แจ้งมติที่ประชุมแก่โรงงานน้ำตาลทั้งสองแห่งรวมถึงโรงงานน้ำตาลใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวได้รับทราบ นอกจากนี้รายงานต่อกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีมติ  โดยนายสืบศักดิ์กล่าวย้ำว่า “ถ้าทางกระทรวงจะเปิด โปรดรับผิดชอบเอง เพราะถ้าคุณไม่ฟังคนในจังหวัดมันก็ช่วยอะไรไม่ได้”